ภาวะตลาดหุ้นไทย – พฤษภาคม 2565

ในเดือนพฤษภาคม 2565 SET Index ปรับตัวลดลง 0.24% สู่ระดับ 1,663.41 จุด โดยปรับตัวลงมากในช่วงครึ่งเดือนแรก จากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงมาก และกังวลว่า Fed จะเร่งใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งเดือนหลัง SET Index มีการปรับตัวขึ้น จากการที่ Fed ประกาศจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ตามที่เคยประกาศไว้ การที่จีนมีแนวโน้มจะคลายการ Lockdown การประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด และการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น

ในเดือนพฤษภาคม 2565 ตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกในประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นมากในสหรัฐฯ และทำให้มีความกังวลว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์เดิม เป็น 0.75% ประกอบกับประเทศไทยมีวันหยุดหลายวันในช่วงครึ่งแรกของเดือน ทำให้นักลงทุนมีการขายหุ้นเพื่อถือเงินสดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ Fed ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.50% และมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.50% อีก 1-2 ครั้ง โดยไม่มีความตั้งใจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.75% รวมถึงการประกาศลดงบดุล (Quantitative Tightening) ลงเดือนละ $4.75 หมื่นล้านตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 และจะเพิ่มเป็นเดือนละ $9.5 หมื่นล้านตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลว่า Fed จะเร่งนโยบายตึงตัวมากขึ้น และอาจจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงแรงได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งเดือนหลัง ตลาดหุ้นมีการฟื้นตัวขึ้น จากการลดความกังวลเกี่ยวกับการที่ Fed จะเร่งการทำนโยบายการเงินตึงตัว รวมถึงการที่จีนมีแนวโน้มจะเริ่มควบคุมการระบาดของ COVID-19 ในเมืองใหญ่ ๆ ที่ถูก Lockdown ก่อนหน้าได้ และมีโอกาสจะเริ่มคลายการ Lockdown ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศก็มีส่วนสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้น เมื่อการระบาดของ COVID-19 ลดความรุนแรงลงมาก ทำให้รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้มีความคาดหวังกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้นในครึ่งหลังของปี รวมถึงการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด โดยกำไรสุทธิมีการเติบโต 6% YoY และ 10% QoQ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ยังเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เดือนพฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบ (Brent) ยังปรับตัวขึ้น 12.7% ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานกลับตัวขึ้น

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 SET Index ปิดที่ระดับ 1,663.41 จุด ลดลง 4.03 จุด หรือ -0.24% จากเดือนก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายต่อวันยังคงอยู่ในระดับที่เบาบางที่ 73,281 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มหลักที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด คือ กลุ่มปิโตรเคมี +3.2% กลุ่มพลังงาน +3.0% และกลุ่มธุรกิจการเกษตร +2.7% ในขณะที่หุ้นกลุ่มหลักที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด คือ กลุ่ม ICT -9.9% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -4.4% และกลุ่มประกันภัยฯ -3.8% ในเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 20,284 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,745 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันภายในประเทศซื้อสุทธิ 4,466 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปภายในประเทศขายสุทธิ 26,495 ล้านบาท