ภาวะตลาดหุ้นไทย – มิถุนายน 2565

ในเดือนมิถุนายน 2565 SET Index ปรับตัวลดลง 5.7% สู่ระดับ 1,568.33 จุด โดยเป็นการปรับตัวลงแรงช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนจากปัจจัยกดดันจากภายนอก คือ ปัญหาเงินเฟ้อ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ยังออกมาร้อนแรงและราคาน้ำมันกลับมาเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ $120 ต่อบาร์เรล ซึ่งท้ายที่สุดรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาประจำเดือน พฤษภาคม 2565 ออกมาสูงถึง 8.6% YoY สูงสุดในรอบ 40 ปี และมากกว่าตลาดคาดไว้ที่ 8.3%

นอกจากแรงกดดันในเรื่องของการลดงบดุลของ Fed ที่เริ่มต้นในเดือนมิถุนายนในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านเหรียญฯ/เดือน และจะเพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านเหรียญฯ/เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นต้นไป ตลาดยังปรับมุมมองคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ที่เร่งตัวขึ้นอย่างมากในรอบการประชุมที่เหลือของปี และจะสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมในด้านสภาพคล่องที่ถูกดึงออกเร็วขึ้น โดย Fed มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 75 bps ในรอบประชุมมิถุนายน และคาดว่าจะปรับเพิ่มอีก 75 bps ในรอบประชุมกรกฎาคม โดยปรับจากเดิมที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มครั้งละ 50 bps

ส่วนปัจจัยกดดันภายใน ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมของไทยอยู่ที่ 7.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นประเด็นที่นักลงทุนเชื่อว่าจะกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกอย่างน้อย 25 bps โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุด มีคณะกรรมการ 3 คน จากทั้งหมด 7 คน มีความเห็นให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดยังเผชิญกับความกังวลต่ออุปสงค์ที่อาจจะชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ และเรื่องที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้โรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เพื่อนำเงินดังกล่าวอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน SET Index มีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากไม่มีประเด็นสร้างความเสี่ยงตลาดเพิ่มเติม และเริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามา ได้แก่ จีนเริ่มผ่อนคลายนโยบาย Zero Covid Strategy ลดจำนวนวันกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีน ขณะที่ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้ประเด็นสนับสนุนจากเรื่อง ครม.อนุมัติให้ยกเว้นการลงทะเบียน Thailand Pass ของชาวต่างชาติ และอนุมัติมาตรการภาษีแก่บริษัทเอกชน โดยให้นำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว อบรม สัมมนา จัดงาน ในเมืองหลักมาหักภาษี โดยหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกที่ 4.3% ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่น ๆ ให้ผลตอบแทนติดลบ นำโดยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -12.99% กลุ่มพาณิชย์ -10.2% และกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ -9.9% ในเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 29,378 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 3 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันภายในประเทศซื้อสุทธิ 1,878 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปภายในประเทศซื้อสุทธิ 27,513 ล้านบาท