หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FED) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ นักลงทุนในตลาดต่างเพิ่มการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ บนสมมติฐานว่าตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต้องแสดงการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาสที่สอง (GDP 2Q16) เพิ่มขึ้น 1.4% และดีกว่าที่คาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก นอกจากนี้ ยังมีข่าวความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยซ์แบงก์ที่ได้รับแรงกดดันมาก่อนหน้านี้ และล่าสุดกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐสั่งปรับเป็นเงินมูลค่าสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในคดีการสร้างความเข้าใจผิดต่อลูกค้าในการขายตราสารหนี้ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS)
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในสัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศตัวเลขการส่งออกเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 6.5% ดีกว่าที่คาดไว้ -1% yoy ซึ่งตัวเลขกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และเร่งตัวที่สุดในรอบ 6 เดือน สาเหตุหลักมาจากการส่งออกรถยนต์และกลุ่มเหล็กที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดตราสารหนี้ไทยได้รับอิทธิพลจาก Global Yields มากกว่า อัตราผลตอบแทนโดยรวมจึงปรับลดลงต่อ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 5-20 ปี ปรับลดลง 0.04-0.12% ส่วนการประมูลพันธบัตรระยะสั้น อัตราผลตอบแทนค่อนข้างคงที่และปรับลงเล็กน้อย ตลอดทั้งสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรอายุไม่เกิน 1 ปีประมาณ 27.7 พันล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรอายุมากกว่า 1 ปีประมาณ 11.5 พันล้านบาท