ภาวะตลาดหุ้นไทย – สิงหาคม 2561

ในเดือนสิงหาคม SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% จากสิ้นเดือนกรกฎาคม 2561 ซึ่งเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังจากที่ SET Index ปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกรกฎาคม โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยที่ดีกว่าคาด

โดยภาพรวมตลาดในเดือนสิงหาคมมีการแกว่งตัวในระดับเหนือ 1,700 จุดในช่วงต้นเดือน ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนได้ทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ซึ่งผลกำไรสุทธิรวมของตลาดยังอยู่ในระดับสูงที่ 2.28 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 19% YoY แต่หดตัวลง -13% QoQ โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ได้แก่ กลุ่มขนส่งทางอากาศ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนกลุ่มที่เติบโตน้อยที่สุดหรือหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มอาหาร ซึ่งกำไรสุทธิรวมของบริษัททั้งหมดใน 6 เดือนแรก เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปี 2560 และคิดเป็น 50% ของประมาณการณ์กำไรทั้งปี ทำให้กำไรสุทธิของปี 2561 น่าจะยังเติบโตได้ที่ 10 – 12% เมื่อเทียบกับปี 2560

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือน SET Index มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,700 จุดอีกครั้งจากความกังวลเรื่องการเกิดปัญหาวิกฤติค่าเงินและการเมืองในประเทศตุรกี ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของสกุลเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดีนัก ทำให้นักลงทุนมีการขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงในระยะสั้น และเข้าซื้อตราสารหนี้ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง รวมถึง SET Index ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ แต่ค่าเงินบาทจัดเป็นหนึ่งในสกุลเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เนื่องจากประเทศไทยมีดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก กอปรกับการประกาศตัวเลขการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 2 ของไทยที่ 4.6% สูงกว่าตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.4% ทำให้ครึ่งปีแรก เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงถึง 4.8% ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ในเดือนสิงหาคมนั้น SET Index ยังได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยสหรัฐฯ ได้มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนส่วนที่เหลือมูลค่า $16,000 ล้านเรียบร้อยแล้วในช่วงปลายเดือน และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาประกาศเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก $200,000 ล้าน ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกันยายน

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนสิงหาคม 2561 SET Index ปิดที่ 1,720.43 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยหุ้นกลุ่มหลักที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ได้แก่ กลุ่มเงินทุนฯ +5.4% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ +5.2% และกลุ่มธุรกิจการเกษตร +3.4% ในขณะที่หุ้นกลุ่มหลักที่ปรับขึ้นน้อยที่สุดหรือปรับตัวลงในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ -3.7% กลุ่มโรงแรม -1.7% และยานยนต์ -1.3% ในเดือนสิงหาคมนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 10,418 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 12,611 ล้านบาท

แม้ว่าบลจ.ทาลิสยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศยังดูดี ทั้งการเติบโตของ GDP ในครึ่งปีแรกที่ 4.8% การเติบโตของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ 10-12% การลงทุนของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ในระยะสั้น ตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่จะมีความผันผวนสูงจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการผันผวนของสกุลเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่เริ่มกระจายไปยังประเทศที่มีฐานะเศรษฐกิจเปราะบางมากขึ้น และทำให้ SET Index มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้าได้