ในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน SET Index ได้ขยับตัวในกรอบ 1,463 – 1,486 จุด ปัจจัยหลักที่ทำให้ SET Index ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องยังเป็นเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลออกจากประเทศ ณ วันสิ้นสุดสัปดาห์สถาบันต่างชาติได้ขายสุทธิรวมถึง 10,470 ล้านบาท ทำให้ยอดการขายสุทธิตั้งแต่เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 หมื่นล้านบาท อีกปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทยคือการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ เห็นได้จากผลสำรวจมุมมองนักลงทุนถึงโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ของ Bloomberg ที่สูงถึงร้อยละ 96 การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปีของรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นไปแตะที่ระดับร้อยละ 3.0 ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI ที่สิ้นสัปดาห์ปิดที่ 46.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากสัปดาห์ก่อนหน้า บวกกับแรงซื้อของหุ้นที่ได้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI ในรอบใหม่
ณ สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดตัวที่ 1,473.86 จุด ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 1.38 ในระยะสั้นคาดว่าตลาดหุ้นจะมีความผันผวนจากความไม่แน่นอนของนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ นาย Donald Trump ซึ่งเป็นความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งต่อตลาดทุนที่ต้องคอยจับตามอง