ภาวะตลาดหุ้นไทย (31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน SET Index แกว่งตัวช่วงแคบในกรอบ 1,478- 1507 จุด โดย SET Index อ่อนตัวลงในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ ทั้งนี้ ในช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นมา นักลงทุนได้มีการขายหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร จากปัจจัยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. ที่เดิมนักลงทุนคาดหวังว่านางฮิลลารี คลินตัน จะชนะการเลือกตั้ง แต่การที่ FBI รื้อคดี E-mail ของนางฮิลลารี ทำให้นางฮิลลารีเสียคะแนนเสียงไปมาก และคะแนนเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ตีตื้นขึ้นจนใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ ความกังวลจากภาวะน้ำมันล้นตลาดเนื่องจากกลุ่ม OPEC ยังไม่สามารถตกลงเรื่องการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ได้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วัน หรือลดลง 6.2% WoW และเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงานที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การที่ราคาถ่านหินได้ทำราคาสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยสิ้นสับดาห์ปิดที่ 108.25$/ตัน และการประชุมของ BoE, BoJ และ FOMC ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม (0.25%, -0.1% และ 0.25-0.5% ตามลำดับ) ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดได้ระดับหนึ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างโดดเด่น โดยปรับตัวขึ้น 4.42% เนื่องจากเป็นช่วงการเปิดประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง รวมมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,485.70 จุด ปรับลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -0.58 %

ในส่วนของมุมมองระยะสั้น ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงได้ เนื่องจากนางฮิลลารีมีโอกาสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯมากขึ้น เนื่องจากผลสรุปจาก FBI ไม่พบสิ่งผิดปกติใน E-Mail ของนางฮิลลารี และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 3 ที่กำลังจะประกาศออกมา ยังคาดว่าส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดทั่วโลกให้ความสนใจ

thai-equity-31-4-Nov