ภาวะตลาดหุ้นไทย (22 – 26 พฤษภาคม 2560)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนพฤษภาคม SET Index ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ปิดที่ 1,569.27 จุด โดยได้รับผลบวกจาก Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการ Rebalance Portfolio ของนักลงทุนในประเทศหลังจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 นอกจากนี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดฯ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกเดือน เม.ย เติบโต 8.5% YoY โดยสินค้าหลักยังคงมาจากราคายางที่ปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น และการประชุมของ กนง. ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สำหรับปัจจัยต่างประเทศนั้น ผลการประชุมของ Fed มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป ทำให้ Bloomberg Consensus ปรับขึ้นความน่าจะเป็นกลับมาอยู่ในระดับ 100% จากที่เคยลดลงในระดับ 85% จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเด็นที่ FBI เข้าตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับรัสเซีย ในกรณีที่มีข่าวว่ารัสเซียช่วยการเลือกตั้งประธานาธิบดี นอกจากนี้ Fed ยังได้หารือเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลของ Fed จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ $4.5 ล้านล้าน ภายในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไม่ได้รับผลกระทบจากการวางระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฏฯและการก่อการร้ายในอีกหลายประเทศ

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากการประชุมของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่มีมติขยายการลดกำลังการผลิตต่อไปอีก 9 เดือน ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 ทำให้มีการขายทำกำไรจากที่เคยเข้ามาเก็งกำไรก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI จึงปรับตัวลงไปต่ำกว่า $50 ต่อบาร์เรลอีกครั้ง สิ้นสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ $49.80 ต่อบาร์เรลปรับลดลง 1.05% WoW

ทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นบวก มีการซื้อสุทธิที่ 1.6 พันล้านบาทในสัปดาห์นี้

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,569.27 จุด ปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 19.63 จุด หรือ 1.27%

มุมมองตลาดระยะสั้น คาดว่า SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวช่วงแคบหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจะให้ความสนใจลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตดีเป็นตัว ๆ มากขึ้น ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนจะเริ่มให้ความสนใจการเลือกตั้งในอังกฤษที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน หลังจากผลสำรวจที่ล่าสุด พรรค Conservative ของนาง Theresa May ได้รับความนิยมลดลง ซึ่งสวนทางกับความนิยมของพรรค Labour ของนาย Jeremy Corbyn ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจของ Bloomberg Online Poll Tracker พรรค Conservative ยังมีคะแนนความนิยมนำห่างพรรค Labour 44% ต่อ 36%

Thai-MArket-22-26-May2017