ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (3 – 7 กรกฎาคม 2560 )

ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย. โดยกรรมการหลายท่านให้ความเห็นว่า การปรับลดงบดุลบัญชีของ FED จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในขอบเขตที่จำกัด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญยังแสดงถึงการขยายตัวของภาคการผลิต เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 222,000 ตำแหน่ง หลังจากในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด (เพิ่มขึ้น 138,000) ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ ทางด้านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในวันพุธที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนต่อเนื่อง จากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้น ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่กระจายตัวเท่าที่ควร ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงและอาจต่ำกว่ากรอบเป้าหมายในบางช่วงจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก แต่มีทิศทางปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยโดยรวมปรับตัวลงต่อ แม้ว่าในช่วงท้ายสัปดาห์จะปรับขึ้นตามตลาดสหรัฐบ้าง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนอายุน้อยกว่า 7 ปีลดลง ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง ในรอบสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้งพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว เป็นจำนวนประมาณ 1.88 พันล้านบาทและ 2.06 พันล้านบาทตามลำดับ ส่วนพันธบัตรระยะสั้นอัตราผลตอบแทนจากการประมูลยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยรุ่น 14 วัน 91 วัน และ 182 วัน อยู่ที่ 1.2049%, 1.3337% และ 1.4374% ตามลำดับ

thai-fixed-income-3-7-Jul-2017