ภาวะตลาดหุ้นไทย (31 กรกฏาคม – 4 สิงหาคม 2560)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วง 1,576 – 1,581 จุด ตลาดหุ้นไทยแทบไม่ได้มีการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่คาดว่าจะไม่ค่อยดีนัก และรอดูท่าทีผลกระทบจากปัจจัยการเมืองในประเทศ จากกรณีที่จะมีการตัดสินคดีการเมืองหลายคดี

แม้ว่าตลาดหุ้นต่างประเทศจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จากการที่ FED มีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากเป็นช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเติบโตลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) และไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลกลางปี ที่จะมีผลให้ราคาหุ้นหลัง XD ลดต่ำลงได้ ทั้งนี้ แรงขายหลักในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะอยู่ที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ไปก่อนหน้า และผลประกอบการยังไม่ดีนัก เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญยังไม่มีแนวโน้มลดลง และแรงขายในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่นักลงทุนกังวลว่าการแข่งขันจะรุนแรง เนื่องจาก ITD ชนะการประมูลรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ ด้วยราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 20% และการที่ PLE ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายเล็ก จับมือกับพันธมิตรต่างชาติ บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ชนะการประมูลงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารแซทเทิ่ลไลท์) หลังที่ 1 ชั้น 2-4 ด้วยราคาต่ำกว่าราคากลางราว 12% รวมทั้งยังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ ที่คาดว่าผลประกอบการจะไม่ดีจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าและราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้น โดยนักลงทุนย้ายการลงทุนไปยังกลุ่มการแพทย์ ที่ราคาหุ้นค่อนข้าง Underperform ในปีนี้ กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มพลังงานที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และกลุ่มขนส่ง ที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการลงทุน เพื่อรอดูผลกระทบทางการเมืองจากการตัดสินคดีการเมืองที่สำคัญ โดยเฉพาะการตัดสินคดีจำนำข้าวที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกล่าวหา

ในด้านปัจจัยต่างประเทศ การที่ที่ประชุม FOMC ยังไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและไม่รีบปรับลด Balance sheet ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และทำให้ค่าเงิน US$ อ่อนค่า

เงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า อยู่ที่ 33.27 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.18% จากสัปดาห์ก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดิบ WTI สิ้นสัปดาห์ปิดที่ $49.58 ต่อบาร์เรล อ่อนค่าลงเล็กน้อยหรือ 0.26% WoW ราคาน้ำมันดิบยังคงยืนอยู่ใกล้ระดับราคา $50 ต่อบาร์เรลได้ เนื่องจากความต้องการน้ำมันในช่วง Driving Season ค่อนข้างแข็งแกร่ง และปริมาณหัวเจาะ (Rig Count) ของสหรัฐฯ เริ่มคงที่

Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น Net sell สุทธิถึง 13.32 พันล้านบาท

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,578.26 จุด ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 2.8 จุด หรือ 0.18%

มุมมองตลาดระยะสั้น คาดว่า Sentiment หลักในการกำหนดทิศทาง SET Index ยังคงเป็นการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียน และผลกระทบทางการเมืองจากการตัดสินคดีจำนำข้าว

Thai-Market-31-Jul-4-Aug