ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน SET Index ปรับตัวลดลง 14 จุด หรือคิดเป็น 0.85% โดยนักลงทุนเริ่มมีการขายทำกำไรเมื่อ SET Index ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,730 จุดได้ ประกอบกับการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์ที่ผ่านมาของหุ้นขนาดใหญ่ค่อนข้างต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ยังมีการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่ม ICT ออกมามาก และทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลงแรงและฉุดให้ SET Index ปรับตัวลง เนื่องจาก กสทช. ได้ประกาศกำหนดแผนการประมูลคลื่น 900 และ 1800 MHz ที่จะหมดสัญญาในวันที่ 15 ก.ย 2561 โดยกำหนดราคาประมูลที่ขั้นต่ำ 3.7 หมื่นล้านบาท และจะประมูลด้วยระบบ N-1 รวมทั้งการอนุญาตให้ JAS เข้าร่วมประมูลได้ เพื่อให้เกิดการแข่งขัน ทำให้นักลงทุนคาดว่าราคาคลื่นใหม่จะค่อนข้างแพงและเป็นภาระกับผู้ประมูลได้มากกว่าที่เคยประมาณการไว้
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ประธานาธิปดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อนาย เจอโรม พาวเวล เป็นประธาน FED คนใหม่ ซึ่งต่างกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ นาย เจอโรม มีแนวคิดคล้ายนาง เจเนต เยเลน ประธาน FED คนปัจจุบัน ทำให้คาดว่าการปรับดอกเบี้ยในสหรัฐฯจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวม
เงินบาทกลับมาแข็งค่าที่ 33.12 บาทต่อดอลล่าร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า 0.51%
Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น Net Sell ที่ 8.6 พันล้านบาท
สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,701.47 จุด ปรับตัวลดลง 14.56 จุด หรือ 0.85% จากสัปดาห์ก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา จากการรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และการคาดการณ์ของกลุ่มโอเปคที่จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปต่ออีก 9 เดือน สิ้นสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ $55.64 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.23% จากสัปดาห์ก่อนนหน้า
มุมมองตลาดในระยะสั้น SET Index มีโอกาสปรับฐานในระยะสั้น แต่ในภาพรวม เรายังคงคาดว่า SET Index ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีการกระจายตัวในหลายภาคส่วนมากขึ้น รวมถึงคาดการณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาเพิ่มเติมในช่วงปลายปี เช่น มาตรการช็อปช่วยชาติ