ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (6 – 10 พฤศจิกายน 2560)

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลหลักอ่อนค่าลง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการผลักดันแผนการปฏิรูปภาษีของคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากมีข่าวว่าบรรดาแกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภากำลังพิจารณาเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบภาษีออกไปอีก 1 ปี ทางด้านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในวันพุธที่ผ่านมาซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ของปีนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามความคาดหมายและเนื้อหาในรายงานการประชุมแทบไม่แตกต่างจากครั้งก่อน กล่าวคือ เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้เดิม ตามแรงส่งจากภาคต่างประเทศ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศขยายตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ด้านเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความเสี่ยงในบางจุดที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ แม้อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้

ทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเริ่มปรับตัวขึ้นมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยรุ่น 14 วัน อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1376% อันเป็นผลมาจากแรงขายในตลาดรอง ส่วนพันธบัตรระยะยาวอัตราผลตอบแทนปรับขึ้นเล็กน้อย ตลอดทั้งสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิประมาณ 1.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 3.8 พันล้านบาท และขายพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 5.6 พันล้านบาท

Thai-Fixed-income-6-10Nov