ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2560)

ตลาดเงินตลาดทุนสหรัฐได้รับอิทธิพลจากข่าวและข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ ในเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็น นายเจอโรม พาวเวล ว่าที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อวุฒิสภาว่าจะสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป และพร้อมที่จะผลักดันให้มีการผ่อนคลายกฎระเบียบอันเข้มงวดในระบบการเงิน นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้คณะทำงานพิจารณาต่อไป เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้ 3.3% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 3.1% ในไตรมาสก่อนหน้า อันเป็นผลทั้งจากการบริโภค การใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนจากภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะในรุ่น 10 ปีปรับขึ้นจากช่วงต่ำสุดในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.32% มาแตะระดับ 2.42% ในสัปดาห์นี้

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนตุลาคม โดยระบุว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดี ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ย. โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.99% yoy เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.86% yoy ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.61% yoy เที่ยบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.58% yoy ทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยรวมไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 844 ล้านบาท โดยเป็นการขายพันธบัตรระยะสั้น 1.46 พันล้านบาทและซื้อพันธบัตรระยะยาว 617 ล้านบาท นอกจากนี้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ (BSwitching) ในปีงบประมาณ 2561 เป็นครั้งแรก เพื่อปรับโครงสร้างหนี้โดยการลดยอดหนี้คงค้างพันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB196A และออกพันธบัตรรัฐบาลรุ่นใหม่ทดแทนจำนวน 4 รุ่น ได้แก่ LB22DA, LB26DA, LB366A และ LB676A ครบตามวงเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งธุรกรรมนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในตลาดเป็นอย่างดี มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมเสนอแลกรวมเป็นจำนวนถึง 19,591 ล้านบาท

png