ภาวะตลาดหุ้นไทย – กันยายน 2561

ในเดือนกันยายน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0% จากปลายเดือนสิงหาคม 2561 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเลือกตั้งที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าประเด็นวิกฤติในตลาดเกิดใหม่และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด

ในช่วงต้นเดือนกันยายน ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจและค่าเงินในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่เข้ามากดดันภาวะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ได้แก่ ประเทศอาร์เจนตินาประกาศเพิ่มวินัยทางการคลังและขอความช่วยเหลือจาก IMF ประเทศตุรกีประกาศอัตราเงินเฟ้อสูงที่ 17.9% หลังจากที่ค่าเงินอ่อนค่ากว่า 10% ภายใน 1 เดือน ประเทศอินโดนีเซียเผชิญกับค่าเงินที่อ่อนค่าขึ้น 11% ตั้งแต่ต้นปี และมีแนวโน้มอ่อนค่าขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น ทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดอื่น ๆ ในกลุ่ม เนื่องจากประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง และมีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศสูง จึงมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า

ต่อมาในช่วงกลางเดือน ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องการเลือกตั้งภายในประเทศที่มีความคืบหน้ามากขึ้น หลังจากที่พ.ร.บ. ที่มา ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ผ่านการโปรดเกล้าฯ และได้เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 13 กันยายน 2561 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 18 กันยายน 2561 ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงจากจุดต่ำสุดที่ 1,666 จุด ไปสู่ 1,720 จุด ในเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากปัจจัยภายในประเทศที่เอื้อให้ SET Index ปรับตัวขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนตลาดหุ้น หลังจากสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 มิฉะนั้นสหรัฐฯ จะทำการคว่ำบาตรประเทศนั้น ๆ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันโดยรวมปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การประชุมโอเปกรอบล่าสุดมีมติให้คงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับปัจจุบัน ในขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ทำให้เกิดภาวะอุปทานค่อนข้างตึงตัวในตลาดน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จึงพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบเกือบ 4 ปีที่ราคาสูงกว่าระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หุ้นในกลุ่มพลังงานจึงปรับตัวขึ้น และช่วยผลักดันให้ SET Index ปรับตัวขึ้นเช่นกัน

ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงมีพัฒนาการต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 10% มีผลบังคับใช้วันที่ 24 กันยายน 2561 ส่วนจีนก็ดำเนินมาตรการตอบโต้โดยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐในมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และทรัมป์ยังวางแผนที่จะขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ภายในเดือนมกราคม 2562 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบสนองเชิงลบกับข่าวนี้ แต่กลับตอบสนองในเชิงบวกว่าการเก็บภาษีรอบนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังมีเวลาในการเจรจากันได้อีก และทำให้มีแรงซื้อผลักดันให้ SET Index ปรับตัวขึ้นถึงระดับ 1,760 จุด

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนกันยายน 2561 SET Index ปิดที่ 1,756.41 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยหุ้นกลุ่มหลักที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ได้แก่ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +10.9% กลุ่มธุรกิจการเกษตร +10.0% และกลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง +7.3% ในขณะที่หุ้นกลุ่มหลักที่ปรับขึ้นน้อยที่สุดหรือปรับตัวลดลงมากที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -2.6% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.6% และกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ -1.6% ในเดือนกันยายนนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 7,756 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 16,955 ล้านบาท

บลจ. ทาลิสยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งจาก Election Rally และปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเอง โดยภาพรวมของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งปี ยังมีแนวโน้มเติบโตในระดับ 10–12% แม้ว่าตลาดจะยังมีความเสี่ยงจากประเด็นสงครามการค้า ทว่า ตราบใดที่ผลกระทบยังไม่ชัดเจนและส่งผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก การตอบสนองของตลาดในเชิงลบน่าจะอยู่ในระดับที่รุนแรงน้อยกว่าที่คาด ทำให้ SET Index มีทิศทางที่ค่อนข้างดูดี และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้