ภาวะตลาดหุ้นไทย – ตุลาคม 2562

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา SET Index ปรับตัว -2.2% จากสิ้นเดือนกันยายน 2562 จากการปรับลดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน และความกังวลเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว สวนทางกับตลาดต่างประเทศ

Set Index อ่อนตัวลงต่อเนื่องจากเดือนกันยายน แม้ว่าปัจจัยจากต่างประเทศค่อนข้างเป็นบวกในเดือนนี้ แต่ตลาดกลับให้น้ำหนักปัจจัยของการปรับลดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยมากกว่า โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคม เป็นช่วงการเริ่มต้นประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 2% YoY และ 5% QoQ การเติบโตส่วนใหญ่มาจากกำไรพิเศษจากการขายบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCB Life) ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งหากพิจารณาเพียงกำไรปกติของกลุ่มธนาคาร จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก จากการเพิ่มการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สินเชื่อโดยรวมขยายตัวเพียงเล็กน้อย ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังหดตัว รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงหดตัวจากการฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงหากอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลดลง ในขณะที่ฝั่งต้นทุนนั้น ยังไม่สามารถลดลงได้เร็วนัก ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารฉุดให้ SET Index ปรับตัวลง

ถัดมา เป็นช่วงการประกาศผลการดำเนินงานในกลุ่มพลังงานและปิโตรเครมี โดยหลายบริษัทมีการประกาศกำไรสุทธิออกมาต่ำกว่าคาด เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ตกต่ำ และการบันทึกขาดทุนจากสินค้าคงคลัง ทำให้นักวิเคราะห์มีการปรับลดการคาดการณ์กำไรสุทธิของตลาดลดลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงต่อเนื่อง หากบริษัทในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ทยอยประกาศผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมาย

ประเด็น BREXIT เริ่มมีพัฒนาการทางบวกมากขึ้นหลังจากที่มีการยืดเยื้อมานาน หลังจากนายบอริส จอห์นสัน เสนอให้มีการลงมติเลือกตั้งใหม่ แล้วจึงค่อยนำร่าง BREXIT เข้าโหวตในสภา โดยสหภาพยุโรปมีมติยินยอมให้สหราชอาณาจักร (UK) ขยายเส้นตายออกไปจากเดิมวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ไปเป็น 31 มกราคม 2563 และหากทาง UK พร้อมก็สามารถถอนตัวได้ก่อนกำหนด ทำให้โอกาสที่จะเกิดการถอนตัวอย่างไม่มีข้อตกลง (Hard Brexit) ลดลง จึงส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวม

นอกจากนี้ ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้าไปในทางที่ดีขึ้น โดยสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเฟสแรกภายในกรอบเวลาที่กำหนด แม้ว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะไม่ได้พบกัน หลังการยกเลิกการประชุม APEC ในวันที่ 16-17 พฤศจิกายนในประเทศชิลี อันเนื่องมาจากสาเหตุความไม่สงบภายในประเทศ

และในวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ผลการประชุม FOMC มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps สู่ระดับ 1.50% - 1.75% ตามที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 และส่งสัญญาณกระตุ้นสภาพคล่องในตลาดซื้อคืนพันธบัตร และเตรียมซื้อพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ประธาน FED ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว และส่งสัญญาณพักการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากขึ้นในระยะถัดไป และเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดอย่างมาก

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนตุลาคม 2562 SET Index ปิดที่ 1,601.49 จุด ปรับตัวลงจากระดับ 1,637.22 จุด หรือประมาณ -2.2% จากสิ้นเดือนกันยายน 2562 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด (รวมเงินปันผล) ได้แก่ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +3.8% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ +2.3% และกลุ่ม ICT +1.5% ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุด ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหาร -11.6% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ -9.3% และกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ -8.5% ในเดือนตุลาคมนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 7,845 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 409 ล้านบาท