ภาวะตลาดหุ้นไทย – พฤศจิกายน 2563

SET Index ปรับตัวขึ้น +17.9% สู่ระดับ 1,408.31 จุด เนื่องจากการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯและความคืบหน้าของวัคซีนป้องกัน COVID-19 ขณะที่ความเสี่ยงหลายประเด็นยังคงอยู่ ประกอบด้วยการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยังคงลุกลามจนเป็นการแพร่ระบาดรอบที่ 2 หรือ Second Wave ในหลายประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 4 ของสหรัฐฯที่ยังไม่ชัดเจน และปัญหาการเมืองภายในประเทศ

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯอย่างไม่เป็นทางการ บ่งชี้ว่านาย Joe Biden ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 และพรรค Democrat ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่พรรค Republican ที่ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ในกรณีนี้จะทำให้การออกนโยบายที่เข้มงวดของ Biden เป็นไปได้ยากมากขึ้น และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อขนาดของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 4 ซึ่งอาจลดลงมาอยู่ที่ 1 ล้านล้านเหรียญฯ (ต่ำกว่ากรณี Blue Wave หรือ Democrat ชนะการเลือกตั้งทั้งหมด ที่น่าจะมีวงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญฯ) อย่างไรก็ตาม นโยบายของ Biden ค่อนข้างเป็นบวกต่อเอเชีย ในเชิงของนโยบายการค้าที่เข้มงวดน้อยกว่า และเป็นระเบียบแบบแผนมากกว่าในสมัยของ Trump ประกอบกับนโยบายของ Biden อาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯฟื้นตัวช้านั้น จะเพิ่มความน่าสนใจต่อการลงทุนในเอเชีย นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯและหลายประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งเห็นได้จากยอดผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ และยุโรปที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายประเทศได้มีการประกาศใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดอีกครั้ง ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในยุโรปชะลอตัวลง แต่ปัจจุบันประเทศในแถบยุโรปและสหรัฐฯเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวและเทศกาลหยุดยาวช่วงปลายปีที่จะมีการเดินทางและจัดงานรื่นเริงมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ยากต่อการควบคุมการระบาด อย่างไรก็ตาม ในเดือนที่ผ่านมามีความคืบหน้าของวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างมาก ประกอบด้วยวัคซีนของบริษัท Pfizer ที่พัฒนาร่วมกับ BioNTech ที่มีประสิทธิภาพป้องกัน COVID-19 ถึง 95% และได้ยื่นต่อ FDA เพื่อพิจารณาใช้เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว วัคซีนของบริษัท Moderna มีประสิทธิภาพป้องกัน COVID-19 ถึง 94.5% และสามารถจัดเก็บได้ที่อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส ได้ถึง 30 วัน ทำให้สะดวกต่อการขนส่ง และบริษัท AstraZeneca ที่พัฒนาวัคซีนร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford เปิดเผยผลการทดลองวัคซีนมีประสิทธิภาพต้าน COVID-19 ได้ 90% และสามารถป้องกัน COVID-19 ได้ในทุกช่วงอายุ ความคืบหน้าของวัคซีนที่กล่าวข้างต้นเพิ่มความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอ่อนค่าลง ส่งผลให้ Fund Flows ไหลเข้าเอเชียอย่างมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเงินไหลเข้าทวีปเอเชีย 14,651 ล้านเหรียญฯ และการกลับมาซื้อสุทธิในไทย 1,225 ล้านเหรียญฯ หลังจากมีการขายสุทธิ 15 เดือนติดต่อกัน ทว่า ปัจจัยภายในประเทศยังคงมีแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมือง หลังรัฐสภาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และยังมีการชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง สะท้อนอุณหภูมิทางการเมืองสูงขึ้น กดดันจิตวิทยาการลงทุน

อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกอัดฉีดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาก ทำ ให้ค่า PER ที่เหมาะสมของตลาดถูกปรับขึ้นสูงกว่าในอดีต รวมทั้งการพัฒนาวัคซีนก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้มีโอกาสจะเห็นการผลิตวัคซีนได้ในหลายประเทศในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ทำให้แม้ตลาดหุ้นจะถูกกดดันจากปัจจัยลบระยะสั้น แต่ในระยะกลาง ตลาดหุ้นน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 SET Index ปิดที่ 1,408.31 ปรับตัวขึ้น 213.36 จุด หรือ 17.9% จากสิ้นเดือนตุลาคม 2563 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด (รวมเงินปันผล) ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 37.4% กลุ่มธนาคาร 28.9% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 28.2% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 25.0%และกลุ่มยานยนต์ 22.4% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจการเกษตร -9.9% ให้ผลตอบแทนติดลบเพียงกลุ่มเดียวในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน บัญชีหลักทรัพย์และนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ 12,347.98 ล้านบาทและ 32,643.75 ล้านบาท ตามลำดับ  ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายหุ้นไทยสุทธิ 3,104.28 และ 41,887.45 ล้านบาท ตามลำดับ ทำให้ยอดการซื้อขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อหุ้นไทยสุทธิ 51,953.03 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อหุ้นไทยสุทธิ 16,550.19 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 266,906.46 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อหุ้นไทยสุทธิ 198,403.25 ล้านบาท