SET Index ปรับตัวขึ้น 0.6% สู่ระดับ 1,695.24 จุด จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครน-รัสเซียที่เริ่มเบาบางลงในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 เนื่องด้วยความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย หลังจากที่มีการปรับตัวลงไปตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2565 เนื่องด้วยความกังวลถึงผลกระทบจาก Geopolitical Risks ระหว่างยูเครน-รัสเซีย ประกอบกับการส่งสัญญาณในการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของหลายๆ ประเทศทั่วโลก
ปัจจัยภายนอกประเทศที่ส่งผลต่อ SET Index ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2565 คือ ความเสี่ยงจากสงครามยูเครน-รัสเซียที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โดยทั้งสองประเทศยังคงสู้รบกันอย่างต่อเนื่องและหลังจากการเจรจาข้อตกลงต่างๆ ไม่มีความคืบหน้าเป็นรอบที่ 3 ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนที่ตลาดจะเริ่มรับรู้ และฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคม 2565 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากสงครามต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่คอยกดดันตลาดหุ้นตลอดทั้งเดือนมีนาคม 2565 โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในระดับสูงจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการส่งสัญญาณในการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของหลายๆ ประเทศทั่วโลกจากการฟื้นตัวที่ดีของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วและปัญหาเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น รวมไปถึงถ้อยแถลงของนาย Jerome Powell ที่จะมีการหารือกับสมาชิก Fed ถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 50 bps ในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินตึงตัวยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อภาวะการลงทุนในเดือนมีนาคม 2565 อยู่ อีกทั้งยังมีประเด็นความเสี่ยงเพิ่มเติมของสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ในประเทศจีนที่กลับมาระบาดอีกครั้ง จนเกิดการ Lockdown ขึ้นในหลายเมืองสำคัญ อาทิเช่น เซิ่นเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของสินค้าหลายๆ ประเภท แต่ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ตลาดกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งจากประเด็นบวกของสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียที่ดีขึ้น เนื่องด้วยการเจรจาในวันที่ 30 มีนาคม 2565 ซึ่งรัสเซียยอมตกลงที่จะถอยกำลังทหารออกจากกรุงเคียฟ เพื่อเพิ่มความไว้วางใจระหว่างทั้งสองประเทศ
ปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลต่อ SET Index ในเดือนมีนาคม 2565 คือตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังคงมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยที่อัตราผู้ป่วยใหม่รายวันยังคงเพิ่มขึ้นเร็วกว่าผู้ที่หายป่วยรายวัน รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อภายในประเทศที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก จากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการเริ่มผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ในขณะที่ปัจจัยบวกภายในประเทศ คือ การที่รัฐบาลออกนโยบายจะทยอยเปิดเมืองมากขึ้น ซึ่งทำให้มีความคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น
สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนมีนาคม 2565 SET Index ปิดที่ระดับ 1,695.24 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุดหรือ 0.6% จากเดือนก่อน โดยช่วงครึ่งแรกของเดือน ปัจจัยแวดล้อมเป็นไปในเชิงลบอย่างมาก เริ่มตั้งแต่สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่รุนแรงและยืดเยื้อ ทำให้สหรัฐฯและประเทศในกลุ่ม EU ตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงความกังวลว่าจะมีการคว่ำบาตรสินค้าพลังงานจากรัสเซียด้วย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง ซึ่งจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นตามเช่นกัน สร้างความกังวลต่อนักลงทุนทั่วโลกที่ Fed มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าคาด นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ในจีนจนเกิดการ Lockdown ในหัวเมืองต่างๆ ปัจจัยลบเหล่านี้กดดันให้ดัชนี SET Index ลดลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,619 จุด ต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน ก่อนที่ครึ่งหลังของเดือนมีนาคม 2565 ดัชนี SET Index จะฟื้นขึ้นจากแรงซื้อกลับหลังตลาดรับรู้ข่าวลบไปมากแล้ว และความคาดหวังการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครน-รัสเซีย และนโยบายการเปิดเมืองของประเทศ โดยหุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด คือ กลุ่มการแพทย์ 8.9% กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ 8.9% และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5.1% ในขณะที่กลุ่มธนาคาร -3.0% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -2.7% กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -2.1% ให้ผลตอบติดลบมากที่สุดในช่วงเดียวกัน
ในเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 33,530 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิที่ 7,079 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันภายในประเทศขายสุทธิที่ 17,684 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปภายในประเทศขายสุทธิที่ 8,767 ล้านบาท