SET index เดือนกรกฎาคม 2565 ปิดที่ระดับ 1,576.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.52% จากเดือนก่อน ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกของเดือนเป็นไปในทิศทางปรับลง จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยของกลุ่มประเทศตะวันตก การกลับมาพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนต้องล็อกดาวน์บางเมืองในจีน รวมทั้งปัญหาราคาพลังงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง กดดันให้ SET ปรับลงไปทำจุดต่ำสุดของปีที่บริเวณ 1,517 จุดก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งประธาน Fed สาขาต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง
สำหรับในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม SET index ได้ปรับลงไปทำจุดต่ำสุดของปีที่บริเวณ 1,517 จุด จากแรงกัดดันจากภายนอก ได้แก่ (1) ความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยทั้งในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป โดยความกังวลได้สะท้อนออกมาที่ Bond Yield สหรัฐอเมริกา อายุ 2 ปี และ 10 ปี ที่มีลักษณะเป็น Inverted Yield Curve อันเนื่องมาจากความต้องการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (2) การกลับมาเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในจีน และทำให้จีนยังคงต้อง Lockdown บางเมือง ซึ่งนำมาสู่การชะลอตัวของการบริโภค และทำให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังไม่บรรเทาลง (3) ความกังวลต่อราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดทางรัสเซียได้ลดปริมาณการส่งแก๊สผ่านทางท่อ Nord Stream ลง สร้างแรงกดดันให้ประเทศในยุโรปต้องหาแหล่งพลังงานอื่นมาทดแทนเพื่อรองรับกับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม SET index ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน โดยมีปัจจัยภายนอกเป็นแรงสนับสนุน ทั้งผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาที่ออกมาดีกว่าคาด การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นำโดยราคาน้ำมันที่แกว่งตัวในช่วงต้นเดือนที่ประมาณ $120/Barrel ได้ปรับลดลงมาอยู่ในช่วง $100/Barrel รวมทั้งประธาน Fed สาขาต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง เนื่องจากมีสัญญาณบวกจากความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาได้ปรับตัวลดลงเหลือ 2.8% ต่ำสุดในรอบ 1 ปี โดยในการประชุมครั้งล่าสุดช่วงปลายเดือน Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% และนักลงทุนเริ่มมองว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของ Fed ได้ผ่านไปแล้ว เนื่องจากในระยะเวลาต่อไป Fed คงไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงระดับ 0.75% อีก นอกจากนี้ SET index ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของไทย ซึ่งเท่าที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่จะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะ DELTA ที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์ไว้มาก ส่งผลให้ SET index สามารถกลับไปปิดที่ระดับ 1,576.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.52% จากเดือนก่อน
สรุปในเดือนที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +31.6% นำโดย DELTA ที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าตลาดคาดมาก กลุ่มการแพทย์ +4.7% และกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +1.1% ในขณะที่กลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงได้แก่ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ -7.9% กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ -6.3% และกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต -6.1% ในเดือนนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง ที่ 4.7 พันล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2.9 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไปภายในประเทศที่ซื้อสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ในขณะที่บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 0.4 พันล้านบาท นักลงทุนสถาบันภายในประเทศขายสุทธิ 9.8 พันล้านบาท