ภาวะตลาดหุ้นไทย – สิงหาคม 2566

SET Index ในเดือนสิงหาคม 2566 ปิดที่ระดับ 1,565.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.63% จากเดือนก่อน โดยปัจจัยภายนอกกดดันในช่วงต้นเดือน แต่ปัจจัยภายในเรื่องการเมืองได้มาช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวในช่วงครึ่งเดือนหลัง

สำหรับปัจจัยกดดันจากภายนอก ได้แก่ การที่ Fitch Ratings ปรับลด Credit Rating สหรัฐฯลง 1 notch ไปอยู่ที่ AA+ สร้างความกังวลว่าจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ถูกประกาศออกมาก็อ่อนแอกว่าคาด และประเทศจีนยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจาก Country Garden ที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้นักลงทุนมองว่าประชาชนชาวจีนจะยังหลีกเลี่ยงการจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงการออกมาท่องเที่ยว เนื่องจากมีความกังวลในความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

สำหรับปัจจัยสนับสนุนภายในประเทศ คือ ประเด็นการเมืองที่มีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับคะแนนเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี เกินกึ่งหนึ่งจากการประชุมสภาฯ ประกอบกับความชัดเจนของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากสภาวะสุญญากาศทางการเมือง และเริ่มคาดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิเช่น การแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทผ่าน Digital Wallet และมาตรการ Free Visa สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น

สรุปในเดือนที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด คือ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ +10.9% กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง +9.2% และกลุ่มยานยนต์ +6.6% ในขณะที่กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดในช่วงเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ -8.6% กลุ่มธุรกิจการเกษตร -6.4% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -2.3% สำหรับปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนในเดือนสิงหาคมนั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 1.5 หมื่นล้าน นักลงทุนทั่วไปภายในประเทศซื้อสุทธิ 0.2 หมื่นล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 0.4 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนสถาบันภายในประเทศซื้อสุทธิ 0.9 หมื่นล้านบาท

สำหรับมุมมองในการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เรายังคงมุมมองว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว นำโดยภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริโภคภาคเอกชน โดยเรามีความหวังว่าหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ จากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป โดยเรามองว่ามาตรการ Free Visa ที่จะช่วยลดความยุ่งยากให้แก่นักท่องเที่ยวจีนจะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวได้ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจจะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ นอกจากนี้ หากเมื่อมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทมีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้