ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (12 – 16 มิถุนายน 2560 )

คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากระดับ 0.75%-1.00% สู่ระดับ 1.00%-1.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 2.2% ในปีนี้ ซึ่งดีขึ้นจาก 2.1% ในการประเมินครั้งก่อน, การว่างงานจะอยู่ในระดับต่ำ (4.3%) และปรับอัตราเงินเฟ้อเป็น 1.6% จาก 1.9% นอกจากนี้ FOMC ยังให้รายละเอียดในเรื่องการลดขนาดงบดุล โดยจะเริ่มลดทันทีที่ดอกเบี้ยเข้าสู่ทิศทางที่เหมาะสม การถือครองพันธบัตรรัฐบาลและ Mortgage-backed Securities (MBS) จะลดลง 6 และ 4 พันล้าน/เดือน ตามลำดับ และจะปรับเพดานดังกล่าวขึ้นครั้งละ 6 และ 4 พันล้าน/เดือน ทุก 3 เดือนจนไปแตะระดับ 3 หมื่นล้าน/เดือน สำหรับพันธบัตรรัฐบาล และ 2 หมื่นล้าน/เดือนสำหรับ MBS และในสัปดาห์นี้มีการประชุมของธนาคารกลางประเทศสำคัญอื่น ๆ ซึ่งต่างคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% โดยมีกรรมการ 3 ท่านสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย แต่กรรมการส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอังกฤษและสหภาพยุโรปใกล้จะมีการเจรจาประเด็น Brexit และธนาคารกลางของญี่ปุ่น (BOJ) ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.1%

สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนยังปรับลดลงต่อเนื่องในทุกระยะ การประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยรุ่น 14 วัน อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.2567% จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.2679% โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 1 ปีขึ้นไป อัตราผลตอบแทนปรับลดลงมา 0.01-0.10% ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติในรอบสัปดาห์มีทั้งซื้อสุทธิและขายสุทธิ โดยขายสุทธิพันธบัตรระยะสั้นประมาณ 2.95 พันล้านบาท และซื้อสุทธิพันธบัตรระยะยาวประมาณ 14.8 พันล้านบาท

thai-fixed-income-12-16June17