ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่ามาตลอดในปีนี้ สาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่ายังคงมีแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้, การคาดหวังต่อมาตรการด้านการคลังของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ และการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวมถึงการปรับฐานของเงินยูโรหลังผลการเลือกตั้งในเยอรมนี ที่พรรคพันธมิตรของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อย่างเด็ดขาด ทำให้นักลงทุนบางส่วนที่เคยมองข้ามความเสี่ยงทางการเมืองในยูโรโซนต้องหันกลับมาระมัดระวังมากขึ้น
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี และเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลกลับมาปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรอายุ 2 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังกลับมาขายสุทธิทั้งพันธบัตรระยะสั้นและพันธบัตรระยะยาวหลังจากซื้อสุทธิถึง 82.7 พันล้านบาทในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 25.6 พันล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรระยะยาวประมาณ 21 พันล้านบาท และพันธบัตรระยะสั้นประมาณ 4.5 พันล้านบาทตามลำดับ