ภาวะตลาดหุ้นไทย (31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน SET Index แกว่งตัวช่วงแคบในกรอบ 1,478- 1507 จุด โดย SET Index อ่อนตัวลงในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ ทั้งนี้ ในช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นมา นักลงทุนได้มีการขายหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร จากปัจจัยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. ที่เดิมนักลงทุนคาดหวังว่านางฮิลลารี คลินตัน จะชนะการเลือกตั้ง แต่การที่ FBI รื้อคดี E-mail ของนางฮิลลารี ทำให้นางฮิลลารีเสียคะแนนเสียงไปมาก และคะแนนเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ตีตื้นขึ้นจนใกล้เคียงกันมาก นอกจากนี้ ความกังวลจากภาวะน้ำมันล้นตลาดเนื่องจากกลุ่ม OPEC ยังไม่สามารถตกลงเรื่องการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ได้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 5 วัน หรือลดลง 6.2% WoW และเป็นปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงานที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การที่ราคาถ่านหินได้ทำราคาสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยสิ้นสับดาห์ปิดที่ 108.25$/ตัน และการประชุมของ BoE, BoJ และ FOMC ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม (0.25%, -0.1% และ 0.25-0.5% ตามลำดับ) ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดได้ระดับหนึ่ง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างโดดเด่น โดยปรับตัวขึ้น 4.42% เนื่องจากเป็นช่วงการเปิดประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง รวมมูลค่าเกือบ 2 แสนล้านบาท

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,485.70 จุด ปรับลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -0.58 %

ในส่วนของมุมมองระยะสั้น ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงได้ เนื่องจากนางฮิลลารีมีโอกาสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯมากขึ้น เนื่องจากผลสรุปจาก FBI ไม่พบสิ่งผิดปกติใน E-Mail ของนางฮิลลารี และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 3 ที่กำลังจะประกาศออกมา ยังคาดว่าส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดทั่วโลกให้ความสนใจ

ภาวะตลาดหุ้นไทย (25-28 ตุลาคม 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนตุลาคม SET Index มีการแกว่งตัวช่วงแคบในกรอบ 1,488- 1,508 จุด โดย SET Index ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้อย่างมั่นคง นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขายต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 มียอดขายสุทธิรวมในเดือนตุลาคม (1-28 ตุลาคม) ถึง 1.56 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการคาดการณ์ว่า Fed น่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในการประชุมเดือนธันวาคม และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นได้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายเงินลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และกลับไปถือครองเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังได้รับผลดีจากการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียน ที่ส่วนใหญ่ยังออกมาดี ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไม่มากนัก

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,494.44 จุด ปรับลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -0.40%

ในส่วนของมุมมองระยะสั้น ยังคงต้องติดตามการประชุมของ Fed, BOE, BOJ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-3 พฤศจิกายน และการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตลาดมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากข่าวที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้ E-mail ส่วนตัวของนาง Hillary Clinton ที่ทำให้ความนิยมของนาง Clinton ลดลงในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งวันที่ 8 พฤศจิกายน

ภาวะตลาดหุ้นไทย (17-21 ตุลาคม 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม SET Index มีการแกว่งตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ และปิดได้ที่จุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ 1,500.37 จุด นักลงทุนสถาบันยังคงเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากปัจจัยที่วิตกกังวลในประเทศผ่านพ้นไป ทำให้ยอดซื้อสุทธิสะสมของนักลงทุนในประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมาของเดือนตุลาคมสูงถึง 21,435 ล้านบาท โดยการซื้อกระจายไปในเกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝ่ายขายสุทธิในเดือนตุลาคม โดยขายสุทธิ 11,620 ล้านบาท และคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ออกมาแล้ว แม้ว่ากำไรสุทธิจากเติบโตถึง 16% YoY แต่ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่บางแห่งได้ให้มุมมองว่าอาจจะมีการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มมากขึ้นในปี 2017 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่มีโอกาสชะลอตัวลง ทำให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการปรับตัวลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีการขายหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ที่ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ SET Index ยังได้รับผลที่จากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีการปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะถ่านหินที่ราคาปรับตัวขึ้นทะลุ $90/ตัน

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,500.37 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.55%

ในส่วนของมุมมองระยะสั้นนั้น SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ยังคงกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยตลาดยังน่าจะได้รับผลดีจากการประกาศผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยออกมาจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่ยังคาดว่าส่วนใหญ่จะประกาศผลประกอบการออกมาดี

ภาวะตลาดหุ้นไทย (10-14 ตุลาคม 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม SET Index มีความผันผวนสูงมาก โดยแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1,343-1,480 จุด SET Index สามวันแรกตลาดปรับตัวลดลงกว่า 6% หรือ 130 จุด จากเหตุความกังวลของนักลงทุนภายในประเทศ ซึ่งทำให้มีแรงขายหุ้นออกมามาก และปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นมากถึงระดับ 100,000 ล้านบาท ก่อนการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศในการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายสัปดาห์ ได้มีแรงซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบันเข้ามามาก โดยมียอดซื้อสุทธิสูงถึง 13,525 ล้านบาท และทำให้ตลาด Rebound กลับขึ้นมากกว่า 60 จุดในวันสิ้นสัปดาห์ และทำให้ SET Index ปรับตัวลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มสื่อสารและสิ่งพิมพ์ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวลดลงกว่า 6.38%

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,477.61 จุด ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -1.78%

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก แม้จะมีความผันผวนบ้างเนื่องจาก SET Index ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม SET Index ยังน่าจะได้รับผลดีจากการเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมีแนวโน้มว่าผลประกอบการส่วนใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนยังน่าจะมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ที่มีผลประกอบการต่ำมาก ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแนวโน้มที่นางฮิลลารี คลินตัน จะได้รับชัยชนะ ซึ่งจะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นโลกมากกว่าการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และการประชุมของ EBC ที่จะมีขึ้นในกลางสัปดาห์ (20 ต.ค.) ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่จะส่งผลลบต่อสภาพคล่องในระบบการเงิน อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปนักลงทุนควรจับตามองการประชุม FOMC ในครั้งถัดไปในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 ที่เกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐฯ

ภาวะตลาดหุ้นไทย (3-7 ตุลาคม 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม SET Index ผันผวนในกรอบ 1,490-1,518 จุด SET Index ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยบวกจากการ Preview ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีแนวโน้มจะออกมาดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังการประชุม OPEC ที่มีข้อตกลงจะควบคุมกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก และการที่ Stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดสิ้นสัปดาห์ที่ 49.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.2% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของ DB และ Well Fargo ที่ยังเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดโลกอยู่พอสมควร

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,504.34 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.42%

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น SET Index ยังคงมีความผันผวน โดยยังมีปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจและเป็นความเสี่ยงของตลาด เช่น เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปัญหา DB และ Well Fargo การประชุม Fed ที่คาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ธันวาคม เป็นต้น

ภาวะตลาดหุ้นไทย (26-30 กันยายน 2559)

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สุดท้ายของเดือนกันยายน SET Index ผันผวนในกรอบ 1,477-1,498 จุด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนที่ 1,500 จุด แม้ว่าจะมีข่าวดีจากต่างประเทศเป็นปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การโต้วาทีระหว่างนาย โดนัล ทรัมป์ และนาง ฮิลลารี คลินตัน ที่ผลโพลหลังจากการโต้วาทีนั้นเห็นว่านางคลินตันทำได้ดีกว่านายทรัมป์มาก และทำให้คะแนนเสียงของนางคลินตันดีขึ้น ขณะเดียวกัน ในการประชุม OPEC และรัสเซีย ก็ทำความประหลาดใจให้ตลาดเนื่องจากสามารถบรรลุข้อตกลงของการควบคุมกำลังผลิตน้ำมันดิบลงได้ แม้ว่ารายละเอียดของการควบคุมกำลังผลิตต้องมีการเจรจาอีกครั้งในการประชุม OPEC ในเดือนพฤศจิกายน แต่ข่าวนี้ก็สามารถทำให้ราคาน้ำมันดิบปิดที่ 48.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 4% และส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหา Deutsche Bank (DB) ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เรียกค่าปรับสูงถึง 1.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกรณีให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนในการเสนอขายตราสารอ้างอิงสินทรัพย์ Mortgage-back ในช่วงก่อนวิกฤตปี 2008 และทำให้มีการคาดการณ์ว่า DB อาจต้องมีการเพิ่มทุนหรือขายสินทรัพย์การลงทุนบางส่วนออกมา ได้กดดันทั้งตลาดไทยและตลาดหุ้นโลก ทำให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,483.21 จุด ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -0.65%

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น SET Index ยังคงแกว่งตัวในทาง Sideway ถ้าหากยังไม่เจอผลกระทบในเชิงลบที่ทำให้ตลาดมีความกังวล ทั้งนี้ ปัจจัยการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปัญหา DB และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตามองในระยะ 1 เดือนข้างหน้านี้

ภาวะตลาดหุ้นไทย 19-23 กันยายน 2559

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สามของเดือนกันยายน SET Index ผันผวนในกรอบ 1,467-1,506 จุด ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดยังคงปรับตัวดีขึ้นจากการเก็งกำไรว่าในการประชุม FOMC Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม และการประชุมของ BOJ จะยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังการประชุม Fed มีการส่งสัญญาณการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ เริ่มมีการปรับลดลงแรงในวันสุดท้ายของสัปดาห์กว่า 3.3% จากความไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ก่อนการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และรัสเซีย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26-28 กันยายน เมื่อประกอบกับการที่ SET Index ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 100 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นถึงระดับ 1,500 จุด และอยู่ในภาวะ Overbought และการที่มีข่าวสร้างความสับสนภายในประเทศ ทำให้มีแรงขายค่อนข้างรุนแรงในวันศุกร์ และนักลงทุนต่างชาติกลับมามีสถานะ Net Sell

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,492.88 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.93% โดยหุ้นหลัก 3 กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหาร และกลุ่มพลังงาน

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นยังน่าจะมีความผันผวน โดยปัจจัยที่ได้รับความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และรัสเซีย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26-28 กันยายนนี้ และการโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 26 กันยายน

ภาวะตลาดหุ้นไทย 12-16 กันยายน 2559

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายน หลังจาก SET Index ปรับตัวลงแรงในวันจันทร์ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยปรับตัวลงไปถึงระดับ 1,411 จุด จากปัจจัยความวิตกกังวลภายในประเทศ ตลาดหุ้นก็เกิด Technical Rebound อย่างรวดเร็ว จากความผ่อนคลายของสถานการณ์ในประเทศ ที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อกลับจากที่ Short หุ้นไปก่อนหน้า และนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งอาทิตย์ โดยหุ้นกลุ่ม Big Cap มีการปรับตัวขึ้นสูงจากปัจจัยการ Rebalance Port ของนักลงทุนตามการปรับน้ำหนักของ FTSE ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เนื่องจากมีการรวมน้ำหนักหุ้น NVDR เข้าในการคำนวณดัชนีด้วย ซึ่งทำให้มีแรงซื้อในช่วงปิดตลาดในวันศุกร์ซึ่งเป็นวันเริ่มคำนวณดัชนีตามน้ำหนักใหม่ถึงเกือบ 30,000 ล้านบาท และทำให้ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นกว่า 6 จุด ใน 30 นาทีสุดท้ายของสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับผลดีจากการปรับเพิ่มการคาดการณ์ GDP ปีนี้ว่าจะขยายตัวจาก 3.1% เป็น 3.2% ของกระทรวงการคลัง ทำให้คาดว่า GDP ในครึ่งปีหลังจะขยายตัวถึง 3.5% สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,479.07 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.34%

แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นยังมีความผันผวน หลังจาก SET Index ปรับตัวขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น ตลาดอาจมีการชะลอการลงทุนเล็กน้อยเนื่องจากยังคงรอถ้อยแถลงของ Fed และ BOJ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20-22 นี้

ภาวะตลาดหุ้นไทย 5-9 กันยายน 2559

เริ่มต้นสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงตลอดทั้งสัปดาห์ โดยปรับตัวลดลงจาก 1,521.48 จุด ลงมาถึงระดับ 1,445.28 จุด ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน SET Index มีการปรับตัวลงแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ต่อเนื่องจากที่เริ่มปรับตัวลงในวันศุกร์ก่อนหน้า จากปัจจัยข่าวความกังวลภายในประเทศ ทำให้มีแรงขายในลักษณะ Panic Sell ซึ่งแรงขายที่เกิดขึ้นมาจากนักลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันในประเทศ แต่ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติมียอด Fund Flow ไหลตลอดเข้ามาเกือบทั้งสัปดาห์ซึ่งบางส่วนมาจากการ Rebalance FTSE Index ที่มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น นอกจากนี้ แรงขายที่เกิดขึ้นยังเกิดจากแรงขายจากบัญชี Margin ที่ลูกค้าต้องการลดความเสี่ยงอันเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลง และการถูก Force Sell จากบัญชี Margin นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังปรับตัวลงตาม Sentiment จากตลาดหุ้นต่างประเทศจากความผิดหวังผลประชุมของ ECB ที่ไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม SET Index ยังได้รับแรงสนับสนุนเล็กน้อยจากการที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและดัชนี ISM Non-Manufacturing Index ที่ออกมาต่ำกว่าคาด อันแสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังไม่แข็งแรงนัก และทำให้ความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลดลง ในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานมีการปรับตัวลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น จากข่าวว่ารัสเซียกับ OPEC จะสามารถบรรลุข้อตกลงควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,445.28 จุด ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -5.01%

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ตลาดหุ้นยังน่าจะมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุน จากปัจจัยข่าวน่ากังวลในประเทศและการประชุม FOMC ในช่วงวันที่ 20-21 กันยายน ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงเร็วและแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะทำให้เกิด Technical Rebound ในระยะสั้นได้

ภาวะตลาดหุ้นไทย 29 สิงหาคม -2 กันยายน 2559

ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น โดยแกว่งตัวในช่วง 1,516 – 1,553 จุด โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์ และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์ นักลงทุนกลับมาเทขายหุ้นออกมามาก เมื่อเห็นว่า SET Index ไม่สามารถผ่านแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,550 จุดขึ้นไปได้ และเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลต่อการกำหนดทิศทางดอกเบี้ยของ FED ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวลดลงถึง 28 จุด ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มพลังงานก็มีการปรับลงอย่างต่อเนื่อง จากการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

สิ้นสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1,521.48 จุด ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา -1.80%

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นมีโอกาสผันผวนอย่างต่อเนื่อง จากการที่ยังไม่มีปัจจัยบวกที่ชัดเจนที่จะช่วยผลักดันใน SET Index ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,550 จุดได้ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะถือเงินสด และรอดูแนวโน้มทิศทางที่ชัดเจนของตลาดอีกครั้ง