ภาวะตลาดหุ้นไทย – มกราคม 2561

ในเดือนมกราคม SET Index มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี 2560 และสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมุมมองเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มว่าจะมีการเติบโตดีพร้อม ๆ กันทั่วโลก และมีการปรับประมาณการการเติบโตในปี 2561 และ 2562 ขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นที่ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

SET Index ในเดือนมกราคมมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี 2560 และสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ได้ที่ระดับ 1,838.96 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่นักวิเคราะห์มีการทยอยปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้น เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น และการที่เศรษฐกิจโลกมีการเติบโตที่ดีขึ้นพร้อม ๆ กันทุกภูมิภาคนี้ จะส่งผลดีต่อภาคการค้าการลงทุนด้วย นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะอากาศหนาว รวมทั้งการคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตดีขึ้นด้วย และทำให้น้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ มีการลดลงอย่างมากในปี 2560 แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีการผลิตน้ำมัน Shale Oil เพิ่มขึ้นมากก็ตาม ซึ่งการที่ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนนี้ ส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างมาก ทั้งจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีขึ้นและการปรับมูลค่าหุ้นให้สูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ออกมาต่ำกว่าคาด เนื่องจากการตั้งสำรองฯ ที่สูงขึ้นเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 และไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศเลย ทั้งการที่คะแนนความนิยมของรัฐบาลลดลงและแนวโน้มที่การเลือกตั้งจะมีการเลื่อนออกไปเป็นต้นปี 2562 เมื่อ สนช. มีมติเห็นชอบแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในมาตรา 2 ให้กฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ 90 วันภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

สรุปภาวะตลาดหุ้นช่วงเดือนมกราคม 2561 SET Index ปิดที่ 1,826.86 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4.2% โดยหุ้นกลุ่มหลักที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี +10.4% กลุ่มพลังงาน +9.9% และกลุ่มเงินทุนฯ +8.7% ในขณะที่หุ้นกลุ่มหลักที่ปรับตัวลงมากที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว -6.7% กลุ่มธุรกิจการเกษตร -4.7% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.3% ในเดือนมกราคมนี้ นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 5,699 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 5,430 ล้านบาท

บลจ.ทาลิส ยังคาดว่าในปี 2561 นี้ ตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นได้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะเติบโตดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการค้าการลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นด้วย ในขณะที่สภาพคล่องในระบบการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้นักลงทุนยังคงสนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ตลาดอาจจะมีความผันผวนบ้าง เนื่องจากตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก จากการคาดการณ์ว่า Fed จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการเติบโตดีกว่าคาด ขณะเดียวกัน Bitcoin เริ่มมีการปรับตัวลงแรงจากมาตรการควบคุมการซื้อขายเงิน Cryptocurrency ของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ซึ่งหากตลาดใดเกิดความผันผวนสูง ก็มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบถึงกันได้